ระบบ DPA: การประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะครูยุคใหม่ 2569
ระบบ DPA (Digital Personnel Assessment) ยังคงเป็นกลไกหลักในการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ค.ศ. กำหนด เน้นการประเมินผลงานจริงในห้องเรียน พัฒนาผู้เรียน และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการลดภาระงานเอกสาร เพื่อสร้างความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและความคล่องตัวมากขึ้นในกระบวนการประเมิน https://dpa-sso.otepc.go.th
โครงสร้างและหลักเกณฑ์ DPA ปี 2569
- ทุกตำแหน่งครูต้องจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ที่สะท้อนเจตจำนงในการพัฒนาผลลัพธ์ผู้เรียน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่การปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และการนำเสนอประเด็นท้าทายที่มุ่งยกระดับผลลัพธ์ผู้เรียน
- การประเมินวิทยฐานะยังคงเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่
- ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้และชั้นเรียน
- ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
- ด้านผลงานทางวิชาการ (สำหรับครูเชี่ยวชาญ/เชี่ยวชาญพิเศษ)
- การให้คะแนนแต่ละด้านใช้ระบบ Scoring Rubric ที่ชัดเจน โดยผู้ขอรับการประเมินต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในแต่ละระดับวิทยฐานะ
การเตรียมตัวและเทคนิคสำหรับ DPA
- ครูควรวางแผนและเตรียมเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ เช่น แผนการจัดการเรียนรู้, วีดิทัศน์บันทึกการสอน, ผลงานผู้เรียน, และผลงานวิชาการตั้งแต่ต้นปี
- ศึกษาหลักเกณฑ์และคู่มือการประเมินอย่างละเอียด ปรึกษาผู้บริหารหรือศึกษานิเทศก์ และเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระบบ DPA เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการยื่นขอรับการประเมิน
ทิศทางในอนาคต
- ระบบ DPA มีการปรับปรุงเนื้อหาและรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำข้อมูลเชิง Big Data ไปใช้บริหารงานบุคคลในระดับประเทศ
- ยังคงเน้นการประเมินที่เชื่อมโยงกับภารกิจหลักของครู การจัดการเรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
สรุป
ระบบ DPA ปี 2569 คือหัวใจของการยกระดับวิชาชีพครู เน้นประเมินจากผลงานจริงในห้องเรียนและผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียน พร้อมสนับสนุนการเติบโตในวิชาชีพอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม
ถ้าอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละส่วน เช่น การจัดทำ PA หรือการประเมินผลงานทางวิชาการ สามารถสอบถามและเลือกประเด็นเฉพาะได้



















