ข้อกำหนดและเงื่อนไขการดำเนินการย้าย การประมวลผล และการพิจารณาย้าย
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System)
(แนบท้ายแนวปฏิบัติฯ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 17 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2568)
ผู้ขอย้ายต้องรับทราบและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขฯ ดังนี้
1. ผู้ขอย้ายต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและเงื่อนไขครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน และไม่ติดเงื่อนไขการบรรจุและแต่งตั้งอื่นใด ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. หรือหน่วยงานอื่นกำหนด
2. การย้ายทุกกรณี สถานศึกษาที่รับย้ายต้องมีอัตรากำลังสายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงื่อนไขในการใช้ตำแหน่ง
3. สาขาวิชาที่ประสงค์ขอย้ายต้องตรงกับความต้องการจำเป็นของสถานศึกษา
4. การย้ายกรณีปกติ เพื่อดูแลบิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู อยู่รวมกับคู่สมรส เพื่อกลับภูมิลำเนา เหตุผลอื่น หรือการย้ายสับเปลี่ยน ผู้ขอย้ายต้องเลือกยื่นคำร้องขอย้ายอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
5. ระบบ TRS จะประมวลผลคำร้องของผู้ขอย้าย เฉพาะการย้ายกรณีปกติเท่านั้น โดยประมวลผลจากองค์ประกอบและตัวชี้วัดตามที่กำหนดไว้ท้ายหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
6. ระบบจะแสดงผลการประมวลคะแนนเป็นรายสถานศึกษาตามลำดับตำแหน่งว่างที่ประกาศในระบบ TRS โดยพิจารณาผู้ที่ได้คะแนนและอันดับที่ดีที่สุดในกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอก ในสถานศึกษานั้น และจะเรียงลำดับตามลำดับสถานศึกษาที่ผู้ขอย้ายแสดงความประสงค์ขอย้ายด้วย
ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องขอย้ายได้คะแนนเท่ากัน ระบบ TRS จะประมวลผลโดยจัดเรียงอันดับที่ได้ตามเงื่อนไขการพิจารณาการย้ายกรณีผู้ขอย้ายได้คะแนนเท่ากัน ตามที่กำหนดแนบท้ายหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
7. การย้ายผ่านระบบ TRS ไม่ได้เป็นการรับรองว่าผู้ขอย้ายจะต้องได้รับการพิจารณาให้ย้าย
8. การย้ายสับเปลี่ยน ในวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้าย ผู้ขอย้ายต้องมีอายุราชการเหลือไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายน ของปีที่ครบเกษียณอายุราชการ และผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนต้องรับทราบและยอมรับ ดังนี้
8.1 การจับคู่ย้ายสับเปลี่ยนผ่านระบบ TRS เป็นการจับคู่ระหว่างผู้ดำรงตำแหน่งครูด้วยกัน เพื่อย้ายในส่วนราชการเดียวกัน มิใช่จับคู่เพื่อโอนไปต่างส่วนราชการ
8.2 การจับคู่ย้ายสับเปลี่ยนผ่านระบบ TRS ผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนสามารถส่งคำขอจับคู่ขอย้าย สับเปลี่ยนไปยังผู้ประสงค์ขอย้ายสับเปลี่ยนกับตนได้ครั้งละ 1 คน และเมื่อดำเนินการจับคู่ย้ายสับเปลี่ยนสำเร็จแล้ว ผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนและคู่ย้ายสับเปลี่ยนจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกคำร้องขอย้ายสับเปลี่ยนได้
8.3 กรณีที่ผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนไม่ได้รับการตอบรับจากคู่ย้ายสับเปลี่ยนภายในระยะเวลา 3 วัน ระบบ TRS จะยกเลิกการขอจับคู่ย้ายสับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนสามารถปฏิเสธการจับคู่ ย้ายสับเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอให้ครบระยะเวลา 3 วัน เพื่อให้สามารถเลือกจับคู่ย้ายสับเปลี่ยนใหม่ได้
8.4 กรณีที่ผู้ขอย้ายสับเปลี่ยนไม่สามารถจับคู่กับผู้ประสงค์ขอย้ายสับเปลี่ยนผ่านระบบ TRS ได้ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขอย้ายสับเปลี่ยน และจะไม่เรียกร้องสิทธิ์ใด ๆ ภายหลัง
8.5 คำร้องขอย้ายสับเปลี่ยนที่จะได้รับการพิจารณา โดย อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ปลายทาง หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี จะต้องเป็นคำร้องขอย้ายสับเปลี่ยนที่ได้รับการดำเนินการผ่านระบบ TRS ทุกขั้นตอน โดยถูกต้อง ครบถ้วนทั้งสองฝ่ายแล้วเท่านั้น
9. หากผู้ขอย้ายต้องการแก้ไขข้อมูลในคำร้องขอย้ายที่ได้บันทึกยืนยันข้อมูลในระบบ TRS เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ให้ยกเลิกคำร้องขอย้ายดังกล่าวก่อน แล้วจึงยื่นคำร้องขอย้ายใหม่ผ่านระบบ TRS หรือหากต้องการยกเลิกคำร้องขอย้ายไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ให้ดำเนินการยกเลิกผ่านระบบ TRS ไม่หลังวันสุดท้ายที่กำหนดให้ยื่นคำร้องขอย้ายในแต่ละครั้ง
10. เมื่อผู้ขอย้ายได้รับอนุมัติให้ย้ายแล้ว ผู้ขอย้ายจะไม่สามารถขอระงับ ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงไม่ว่ากรณีใด ๆ และหากได้ยื่นคำร้องขอย้ายกรณีอื่นไว้ด้วย ระบบ TRS จะระงับคำร้องขอย้ายกรณีอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ
11. กรณีลืมรหัสผ่าน ผู้ขอย้ายสามารถแก้ไขด้วยตนเอง หรือแจ้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับเป็นผู้แก้ไข แล้วแต่กรณี
12. ผู้ขอย้ายต้องยินยอมให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นเจ้าของข้อมูล รวมทั้งสามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลทั้งหมดของผู้ขอย้ายในระบบ TRS เพื่อประโยชน์ของทางราชการ
13. ระบบจะมีการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลการดำเนินการของผู้ใช้งานเพื่อใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารหลักฐานของผู้ขอย้าย
14. ผู้ขอย้ายต้องยินยอมให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่ได้บันทึกไว้ในระบบ TRS ทุกรายการ
15. การใดที่ได้ดำเนินการผ่านระบบ TRS ให้มีผลทางกฎหมาย ดังนี้
15.1 กรณีตรวจสอบภายหลังพบว่า ผู้ขอย้ายบันทึกข้อมูลและเอกสารหลักฐานในระบบ TRS เป็นเท็จหรือจงใจบันทึกข้อมูลและหรือข้อความอันเป็นเท็จ ให้ถือเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
15.2 กรณีผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารหลักฐานของผู้ขอย้ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถือเป็นความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา และให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป